รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา มอบนโยบายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

14 กันยายน 2566

วันที่ 14 กันยายน 2566 เวลา 9.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(รมว.กก) ขึ้นมอบนโยบายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการประชุม”ติดตามและขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” และเปิดนิทรรศการการจัดการความรู้ (Knowledge Menagement: KM) โดยมี นางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ,นางสาววันทนา แจ้งประจักษ์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ,ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา ,นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว ,นายวิษณุ ไล่ชะพิษ อธิการบดีมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ,นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ อพท. ,พลตำรวจโท สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เข้าร่วม ณ โรงแรมเฟลิกซ์ ริเวอร์แคว รีสอร์ท อําเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

รมว.สุดาวรรณ กล่าวว่า “ดิฉันมีความเชื่อมั่นว่า ทุกท่านในที่นี้ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ และมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อมุ่งหวังให้เกิดผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬาของประเทศไทย ที่ผ่านมา ทั่วโลกได้ประสบกับวิกฤต ทั้งโรคระบาด เศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง สงคราม ภาวะโลกร้อน และการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบสมบูรณ์ ส่งผลให้ วันนี้ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทาย จำเป็นต้องเร่งแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนาเพื่อฟื้นฟูพลิกฟื้นประเทศรัฐบาลโดยการนำของท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 ถึง วันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา รัฐบาลมีกรอบนโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน

ซึ่งนโยบายกรอบเร่งด่วนมีหลายเรื่อง โดยหนึ่งในนั้นคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจจากการผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เพราะการท่องเที่ยวจะเป็นกุญแจดอกแรกในการสร้างรายได้ ที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้นแบบ QuickWin และยังจะสามารถสร้างงานให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากได้

รัฐบาลจึงได้มีมาตรการเร่งด่วน ซึ่งทุกท่านก็น่าจะได้ทราบแล้วจากการแถลงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 โดยเราจะยกเว้นวีชาให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน และชาวคาซัคสถานเป็นเวลา 5 เดือน เริ่มจากวันที่ 25 กันยายน 2566 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ดิฉันก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกท่านช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว นโยบายแรกของรัฐบาลนี้ให้เต็มที่ด้วย นอกจากเราจะผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในระยะเร่งด่วนแล้ว ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เราจะต้องร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเพื่อปราบธุรกิจสีเทาและธุรกิจผิดกฎหมายทุกประเภท ยกระดับฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยว และใช้ประโยชน์ในการวางแผน
นโยบายอย่างเต็มประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวในทุกมิติ และส่งเสริมมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศไทยในด้านกีฬา เราจะต้องส่งเสริมการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีของประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกวัย ส่งเสริมและพัฒนากีฬาอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนานักกีฬาผู้ฝึกสอน และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่กีฬาขั้นพื้นฐาน กีฬาเพื่อมวลชน กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ และกีฬาเพื่อการอาชีพ ที่สำคัญต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬา ส่งเสริม และสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ และกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (SportTourism) อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ดี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพียงหน่วยงานเดียว ไม่สามารถขับเคลื่อน และพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาของประเทศได้ เราจำเป็นต้องบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบูรณาการการทำงานผ่านกลไกของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งมีองค์ประกอบเป็นหน่วยงานสำคัญยิ่งไปกว่านั้น การประชุมในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสที่ดี ที่ผู้บริหารและผู้แทนหน่วยงานทุกท่าน ได้มาร่วมแบ่งปันและแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวทางการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ เป็นข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนการทำงานอย่างบูรณาการของกระทรวงเป็นอย่างมาก ที่จะทำให้เราทุกคนมองเห็นแนวทางและทิศทางในการทำงานร่วมกัน สามารถปรับการทำงานให้สอดประสานและสนับสนุนกันอย่างเหมาะสม มีการพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาอย่างเป็นระบบสอดคล้องกัน ตั้งแต่ระดับนโยบายไปจนถึงระดับปฏิบัติ มีการส่งต่อ เชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานภายในกระทรวง พร้อมที่จะบูรณาการกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และประชาชน ที่สำคัญ จะต้องมีการถ่ายทอดและขับเคลื่อนการดำเนินงานจากส่วนกลางไปสู่ระดับพื้นที่อย่างชัดเจน ทุกระดับ ทุกหน่วยงาน ต้องเดินไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อไปสู่ความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน และเป้าหมายโดยรวมของกระทรวง”

แชร์บทความ :