ประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาว จังหวัดสุราษฎร์ธานี
11 ตุลาคม 2565
วันที่ 11 ตุลาคม 2565 ณ บริเวณสะพานนริศ อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) ประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล), นายคณนาถ หมื่นหนู โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมพิธีเปิดงานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาว จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น ซึ่งได้รับการสืบทอดต่อเนื่องมาแต่บรรพบุรุษนับร้อยปี จนนับได้ว่าเป็นมรดกแห่งศิลปวัฒนธรรมและจารีตประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
งานประเพณีชักพระทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาว ถือเป็นงานประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น ซึ่งได้รับการสืบทอดต่อเนื่องมานับร้อยปี จนนับได้ว่าเป็นมรดกแห่งศิลปวัฒนธรรมและจารีตประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 การทอดผ้าป่าในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมือง (บ้านดอน) จะแตกต่างไปจากที่อื่นคือ จะมีการจัดพุ่มผ้าป่าตามหน้าบ้าน ห้างร้านต่างๆ รวมไปถึงหน่วยงานของรัฐและเอกชน โดยมีการตกแต่งพุ่มผ้าป่า แข่งขันความสวยงามในช่วงกลางคืน โดยเป็นการเชื่อมโยงวัฒนธรรมภาคอีสานและภาคใต้ ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดอุบลราชธานี "เข้าพรรษา เที่ยวงานแห่เทียนจังหวัดอุบลราชธานี ออกพรรษา เที่ยวงานชักพระ ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี" ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานี ได้นำรถต้นเทียนพรรษาของวัดสุทัศนาราม เข้าร่วมในขบวนแห่เรือพนมพระทางบกด้วย
รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวในโอกาสนี้ว่า "กระผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติเป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน ประจำปี 2565 ในวันนี้ งานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ ถือเป็นงานบุญของพุทธศาสนิกชนที่ยิ่งใหญ่ และเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของพี่น้องชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่อดีต ที่พี่น้องได้ร่วมสืบสานอนุรักษ์ไว้จนถึงปัจจุบัน เป็นอีกปีในการเชื่อมโยงวัฒนธรรม ภาคอีสาน ภาคใต้ ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดอุบลราชธานี ย่อมแสดงให้เห็นถึงความเจริญของจารีตประเพณีและวัฒนธรรมที่พี่น้องประชาชนทั้ง 2 จังหวัดได้ร่วมสร้างกันมา ไม่เพียงเท่านั้น การจัดงานในครั้งนี้ นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและภาพรวมของประเทศ เพราะในห้วงที่ผ่านมา เราประสบปัญหาและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งการจัดงานดังกล่าวจะเป็นการส่งเสริม การท่องเที่ยวทำให้เกิดการหมุนเวียนและกระจายรายได้สู่ประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี สอดคล้องกับนโยบาย "ฟื้นประเทศด้วยท่องเที่ยว" ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทั้งในด้านมิติเศรษฐกิจ มิติสังคม และมิติวัฒนธรรม
ผมขอชื่นชมคณะกรรมการจัดงานทุกท่านสำหรับความร่วมมือ ความเสียสละทุ่มเท ในการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ให้งานสำเร็จขึ้นมาได้ ตลอดจนขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้ให้ความสำคัญต่อการสืบสานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ จนทำให้เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป ขอให้ทุกคนได้ร่วมกันอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดให้คงอยู่สืบไป และขอให้การจัดงานครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ทุกประการ"